0
รวม 0.00 ฿
 x 

Your shopping cart is empty!

รวม 0.00 ฿

FREE DELIVERY !

3,000 บาทขึ้นไป*

Technical Support

ทดลองสินค้าหน้าร้าน บริการหลังการขาย

OPEN ( MON-SAT )

8.00-17.30(จ-ศ) 9.00-15.30(เสาร์)

เครื่องมือวัดแสง

  • คู่มือการใช้งาน เครื่องวัดแสง LED รุ่น LT45

    คู่มือการใช้งาน เครื่องวัดแสง LED รุ่น LT45

    เครื่องวัดแสง LED รุ่น LT45

    1.หน้าจอแสดงผลแบบ LCD

    2.ปุ่มเลือกหน่วยในการวัด LUX /Fc/CD

    3.ปุ่มบันทึกข้อมูล/ปุ่มเรียกดูข้อมูลที่บันทึก (บันทึกข้อมูลได้ 99 ข้อมูล)

    4.ปุ่มแสดงค่า สูงสุด/ต่ำสุด/ค่าเฉลี่ย

    5.ปุ่มกดสำหรับเปิดและปิดเครื่อง

    6.ปุ่มสำหรับปรับเทียบค่าให้เป็นศูนย์

    7.ปุ่มสำหรับค้างข้อมูลและเลือกชนิดของLED

    8.ปุ่มปรับค่า ลง

    9.สายเซ็นเซอร์

    10.เซ็นเซอร์ในการตรวจ วัดแสง

    ขั้นตอนในการวัด

    1. กดปุ่มเปิดเครื่อง

    2. ถอดฝาครอบที่ปิดเซ็นเซอร์ออกจากนั้นสังเกตสถานะแบตเตอรี่ที่หน้าจอ ถ้าแบตเตอรี่อ่อนควรเปลี่ยนทันที 

    3. ความเข้มของแสง ในหน่วย fc (1 fc = 10.76 LUX)  

    4. ใช้ปุ่ม LUX / FC / CD เพื่อเลือกหน่วยในการวัด

    5. ตำแหน่งของเซนเซอร์ ควรวางให้ตั้งฉากกับแหล่งกำเนิดแสง  

    6. จอแสดงผลสามารถแสดงค่าได้ถึง 3999 ในตัวเลขที่มีขนาดใหญ่และเมื่อตัวเลขเพิ่มขึ้นก็จะแสดงตัวเลขที่มีขนาดเลขเพิ่มเติม (ขนาดเล็ก) ตัวเลขจะปรากฏทางด้านขวาของตัวเลขที่มีขนาดใหญ่เช่น 399,900 

    หน่วย LUX/FC/CD   

    ในการเปลี่ยนหน่วยในการวัดให้กดปุ่ม LUX / FC/CD และเลือกหน่วยที่ต้องการวัด

    ปิดเครื่องอัตโนมัติ

    หลังจากไม่มีการใช้งาน 5นาทีตัวเครื่องจะปิดเองอัตโนมัติเพื่อเป็นการช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่

    การเปิด/ปิดการใช้งานฟังก์ชั่นปิดเครื่องอัตโนมัติ

    เมื่อกดเปิดเครื่องขึ้นมาจะเห็นสัญญาลักษณ์  แสดงว่าตัวเครื่องอยู่ในฟังก์ชั่นปิดเครื่องอัตโนมัติถ้าต้องการปิดฟังก์ชันการปิดเครื่องอัตโนมัติให้กดปุ่มปิดเครื่องค้างไว้สัญญาลักษณ์ จะหายไป

    การปรับเทียบค่าให้เป็นศูนย์

    1. ตรวจสอบว่าฝาครอบป้องกันเซ็นเซอร์วัดแสงว่าปิดที่เซนเซอร์หรือไม่

    2. เมื่อปิดอยู่หน้าจอแสดงผล LCD จะแสดง '0'

    3. กดปุ่ม zero และหน้าจอจะแสดง ADJ  เมื่อปรับเทียบเสร็จแล้วหน้าจอจะกับมาสู่โหมดการวัดปกติ

    4. หากฝาครอบ ไม่ได้ครอบกับเซ็นเซอร์ไม่แนะนำให้กด  ZERO  

    แสดงค่าสูงสุด/ต่ำสุด/และค่าเฉลี่ย

    สามารถกดปุ่ม  ลูกศรขึ้น เพื่อดูค่า สูงสุด/ต่ำสุดและค่าเฉลี่ยได้ ถ้ากดจะมี ไอคอน MAX,MIN และAVG แสดงบนหน้าจอแสดงผมทางด้านขวา ถ้าจะออกจากฟังก์ชั่น MAX,MIN และAVG ให้กดปุ่ม ลูกศรขึ้น ค้างไว้สังเกตว่าสถานะ MAX,MIN และAVG จะหายไป

     

    การบันทึกข้อมูลและการเรียกดูข้อมูล

    1.ตัวเครื่องสามารถบันทึกข้อมูลได้โดยการกดปุ่ม MEM/READ ตัวเครื่องสามารถบันทึกได้ทั้งหมด 99 ข้อมูล ในการกดบันทึกข้อมูลสถานการณ์บันทึกจะโชว์ที่หน้าจอทางด้านซ้าย  

    2.ในการเรียกดูข้อมูลที่บันทึกไว้ให้กดปุ่ม MEM/READ ค้างไว้สองวินาที  จะสังเกตเห็นสถานะ M จะเปลี่ยนเป็น R และจะมีค่าที่บันทึกไว้ทั้งหมดว่าบันทึกไปแล้วกี่ข้อมูล ให้กดปุ่มลูกศรเลื่อนขึ้นเลื่อนและเลื่อนลงในการเลือกดูข้อมูลที่บันทึกไว้

    3.ในการลบข้อมูลที่บันทึกไว้ทังหมด ให้ปิดเครื่องก่อน และ จากนั้น กดปุ่ม MEM/READ ค้างไว้ แล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง ค้างไว้จนกว่า สถานะ Clr จะโชว์ขึ้นมา เมื่อสถานะClr โชว์ขึ้นมาให้ปล่อยมือออก

    ฟังก์ชั่นการค้างข้อมูล

    ถ้าจะหยุดค่าหรือค้างข้อมูลไว้ให้กดปุ่ม HOLD สัญญาลักษณ์ HOLD จะโชว์ขึ้นมาบนหน้าจะ ถ้าจะกับไปวัดค่าปกติอีกครั้งให้กดปุ่ม HOLD อีกครั้ง

    การวัดความเข้มส่องสว่าง (CD)  

    1.เปิดเครื่องขึ้นมา

    2.กดปุ่ม LUX/FC/CD ค้างไว้  หน้าจอจะแสดงหน่วย CD ขึ้นมา

    3.ผู้ใช้สามารถเลือกหน่วย ft และ m โดยการกดปุ่มลูกศรขึ้นและลูกศรลงเพื่อเลือกหน่วย ในการกำหนดระยะห่างของแหล่งกำเนิดแสงและเซนเซอร์

    4.เมื่อเลือกหน่วยแล้ว กดปุ่ม LUX/FC/CD อีกครั้ง จะสังเกตเห็นตัวเลขกระพริบขึ้นมาทางด้านมุมล่างด้านขาวและสามารถใช้ปุ่มลุกสรเลื่อนขึ้นและเลื่อนลงในการปรับระยะห่างของแสงและตัวเซนเซอร์

    5.เมื่อปรับระยะห่างเสร็จแล้วให้กดปุ่ม LUX/FC/CD อีกครั้ง เพื่อยืนยันการปรับค่า จากนั้นตัวเครื่องก็จะกับมาสู่โหมดการวัด

    6.ถ้าจะออกจากโหมด CD .ให้กดปุ่ม LX/FC/CD  ค้างไว้ 2วิ

    • Luminous Intensity = illumination (Lx) x distance (ft2 or m2) 

    • The programmable distance range is 0.01 ~ 30.47 m (0.01 ~ 99.99 ft.)

    การเลือกแหล่งกำเนิดแสงหรือ (L.S.)

    เครื่อง LT45 ได้กำหนด light source มาให้ L0-L9 ซึ่ง L0-L6 ไม่สามารถที่จะปรับค่าได้แต่ทางด้านผู้ผลิตได้กำหนดให้ผู้ใช้สามารถปรับค่า light source ที่ L7-L9 ถ้าผู้ใช้มี light source ที่ใช้งานอยู่แล้วก็สามารถปรับให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้

    1.ในการเลือก light source ให้กดปุ่ม HOLD/L.S.  ค้างไว้ จากนั้นให้สังเกต สัญญาลักษณ์ L.S. ตัวเลขจะกระพริบจากนั้นให้ใช้ปุ่มลูกศรเลือนขึ้นและเลื่อนลง ในการเลือก light source เมื่อได้ light sourceที่ต้องการแล้วให้กดปุ่ม HOLD/L.S. ค้างไว้ 2 วินาที ตัวเลขจะหยุดกระพริบ และจะแสดง light source ที่เราเลือกไว้

    2.ในการปรับค่า light source ด้วยตัวเอง ให้ปรับไปที่ L7-L9 ให้กดปุ่ม HOLD/L.S.  ค้างไว้ จากนั้นให้สังเกต สัญญา-ลักษณ์ L.S. ตัวเลขจะกระพริบจากนั้นให้ใช้ปุ่มลูกศรเลือนขึ้นและเลื่อนลง ไปที่ L7,L8,L9 จากนั้นกดปุ่ม HOLD/L.S.อีกครั้ง ตัวเลขทางด้านขวามือก็จะกระพริบ จากนั้นใช้ปุ่มลูกศรขึ้นลูกศรลงในการปรับค่า เมื่อปรับค่าได้ตามที่ต้องการแล้ว กดปุ่ม HOLD/L.S.  ค้างไว้ 2วินาที จะกับมาสู่โหมดการวัดปกติ

     Light Source

     L0: Standard incandescent light source 

    L1: LED white daylight 

    L2: LED AMBER (YELLOW) light

     L3: LED GREEN light

     L4: LED RED light 

    L5: LED BLUE light 

    L6: Not used 

    L7~L9: Programmable User Custom Locations (preset to 1.00)

     

  • แสงในงานอุตสาหกรรม

    เครื่องมือวัดแสงอุปกรณ์สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

    แสงมีผลต่อการใช้ชีวิต และการทำงานของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และตามมาตรฐานที่กรมแรงงานได้มีกำหนดเอาไว้ ว่าโรงงานอุตสาหกรรมจะต้องมีการควบคุมปริมาณของแสงให้พอดี ไม่มาก หรือน้อยเกินไป เครื่องวัดแสง จึงได้เข้ามามีบทบาทในโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้นเพราะเหตุใดเครื่องมือวัดแสงจึงมีความสำคัญ

    หากมีแสงน้อยเกินไปจนไม่เพียงพอสำหรับการมองเห็น

    การมีปริมาณ แสง ที่น้อยเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการทำงานและสุขภาพจิตของพนักงานได้ และในขณะเดียวกัน หากมี แสง มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ คือจะทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว เวียนศีรษะ และไม่มีสมาธิในการทำงานได้เครื่องมือวัดแสงสามารถเป็นตัวอ้างอิงมาตรฐานการจัดแสงในพื้นที่ได้

    ปริมาณของแสงที่เหมาะสมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

    มาตรฐานของปริมาณแสงไม่ได้มีการกำหนดไว้ตายตัว แต่ต้องมีการนำเอาสภาพของการทำงานมาเป็นตัววัดด้วย สามารถวัดด้วย เครื่องมือวัดแสง เช่น ความสูงของเพดาน ถึงพื้น ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ วัสดุที่ สะท้อนแสง คือผนัง หรือแม้กระทั่งพื้นที่ หรืออุปกรณ์ในการทำงาน ซึ่งตามหลักการแล้ว ไม่ว่าแสงจะมาจากที่ใดก็ตาม แต่เมื่อตกกระทบกับชิ้นงาน หรือ พื้นที่ในการทำงานแล้ว ไม่ควรจะแตกต่างจากแสงในพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ บริเวณทำงานเกิน 3 เท่า เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว จะก่อให้เกิดอาการที่เรียกว่า แสงแยงตา ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน และอาจจะทำให้ผู้ที่ปฏิบัติงานเกิดอาการป่วยได้

    คนเรามีการรับรู้ปริมาณแสงที่แตกต่างกัน

    เนื่องจากการรับรู้แสงของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นการควบคุม แสง โดยใช้ความรู้สึกของมนุษย์ย่อมไม่มีความแม่นยำเท่าที่ควร การนำ เครื่องวัดแสง มาใช้จึงถูกบังคับเข้าไปในกฎหมายแรงงาน เพื่อป้องกันการได้รับแสงที่ไม่เหมาะสมของแรงงานให้ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อผู้ที่ทำงาน

    เครื่องมือวัดแสงจำเป็นต้องมีในทุกโรงงานอุตสาหกรรม

    โดยตามกฎหมายแล้ว ทุกโรงงานต้อง เครื่องมือวัดแสง จำเป็นต้องมีในทุกโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก และจะต้องมีการทำการวัดปริมาณของแสง เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพของการทำงาน อย่างเช่น การทาสีผนังใหม่ การติดตั้งหลอดไฟเพิ่มในจุดต่างๆ เพราะการวัดปริมาณแสงตกกระทบให้สม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องวัดแสงจะช่วยให้แรงงาน ได้รับแสงที่ไม่จ้าจนเกินไป ในจุดที่แตกต่างกัน ทำให้ไม

    รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงของแสงเกิดขึ้น

    ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ เครื่องวัดแสง มีความจำเป็นและเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นการเลือกใช้ซื้อ เครื่องวัดแสง เพื่อมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมย่อมมีความสำคัญ ต้องมีการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมและมีการ สอบเทียบ ให้ได้มาตรฐานทุกปี

     

Contact Us